วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สะพานแขวนหนองสนม อ.สนม จ.สุรินทร์


เป็นสพานแขวนที่เดียวใน อ.สนม  มีความสวยงามมาก  เป็ยที่พักผ่อนย่อนใจ  เป็นที่นั่งเล่น  นั่งถ่ายรูป พบปะสังสรรค์  ตั้งอยู่ที่สวนสาธารณะหนองสนม  อ.สนม  จ.สุรินทร์


สวนสาธารณะหนองสนม  เป็นสวนที่ชาวอำเภอสนมรู้จักกันดีเพราะทางอำเภอจะใช้สวนสาธารณหนองสนมแห่งนี้ในการจัดกิจกรรมหรืองานประเพณีต่างๆ  และยังมีลานใว้ออกกำลังกายและสนามกีฬาต่างๆชึ้งในสวนสาธารณะแห่งนี้ยังมีสพานแขวนที่สวยงามและเป็นสถานที่น่ามาเที่ยว  มานั่งเล่น

 มักจะมีวัยรุ้นมานั่งเล่นยามเย็น  เพราะบรรยากาศยามเย็นนั้นดีมากเหมาะแก่การมานั่งพักผ่อนย่อนกาย
 ส่วนตรงกลางของสพานแขวนนั้นจะมีที่นั่งอยู่ทั้งสองข้าง  ส่วนมากผู้คนจะไปนั่งถ่ายรูปกันมากตรงนี้

วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านนานาชาติ ครั้งที่ 10


มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ กำหนดจัดงานเทศกาลการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านนานาชาติ ครั้งที่ 10 (The 10th Surin International Folklore Festival : 10th SIFF) ระหว่างวันที่ 15 – 25 มกราคม 2558 ณ เวทีบริเวณสระว่ายน้ำ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ซึ่งในครั้งนี้มีนักแสดงชาวต่างชาติทั้งหมด 25 ทีม จาก 23 ประเทศร่วมการแสดง

พบกับกิจกรรม
- การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านนานาชาติ
- การสัมมนาทางวิชาการ
- การแสดงแบบผ้า
- และชุดแต่งกายนานาชาติ
- การชุมนุมสันติภาพโลก



ภาพบัญญากาศหน้าเวทีหลายวันที่ผ่านมา










วันจันทร์ที่ 19 มกราคม 2558
08.30 – 16.30 น. ประชุมสัมมนาเปิดวารสาร ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 38 (คณะมนุษยศาสตร์ฯ)
09.00 – 17.00 น. ซ้อมการเดินแบบ ณ เวทีสระว่ายน้ำ
18.00 - 19.00 น. การแสดงดนตรีจากสาขาวิชาดนตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ และการแสดงจากมหาวิทยาลัยสุราษฎร์ธานี
19.00 – 22.00 น. เริ่มการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านนานาชาติ

** วันอังคารที่ 20 มกราคม 2558
09.00 – 18.00 น. งานเทศกาลเล่านิทานนานาชาติในประเทศไทย ครั้งที่ 3 ณ ห้องเธียเตอร์ชั้น 2 อาคาร 38 (คณะมนุษยศาสตร์ฯ) จัดโดยสถาบันเอเชียศึกษา
18.00 - 19.00 น. แขกผู้มีเกียรติและผู้ชมลงทะเบียนเข้าชมมหกรรเดินแบบผ้านานาชาติ
19.00 – 22.00 น. การเดินแบบผ้านานาชาติ ณ เวทีสระว่ายน้ำ

** วันพุธที่ 21 มกราคม 2558 (ไม่มีการแสดง)
07.00 น. นักแสดงออกเดินทางไปร่วมพิธีถวายปริญญากิตติมศักดิ์แก่พระอาจารย์คำหาญ ณ วัดป่าอาเจียง อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์
09.00 – 18.00 น. งานเทศกาลเล่านิทานนานาชาติในประเทศไทย ครั้งที่ 3 (ต่อวันที่ 2)
13.00 น. เยี่ยมชมหมู่บ้านช้างบ้านตากลาง อ.ท่าตูม และหมู่บ้านผ้าไหมท่าสว่าง
19.00 – 21.00 น. กิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนานาชาติ

** วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม 2558
07.00 น. ออกเดินทางจาก จ.สุรินทร์ ไป จ.นครพนม
17.00 – 23.00 น. กิจกรรมการแสดงนอกสถานที่ ณ เวทีกลางแจ้ง จ.นครพนม

** วันศุกร์ที่ 23 มกราคม 2558
08.30 – 12.00 น. ชุมนุมศิลปินเพื่อสันติภาพโลก ณ จ.นครพนม
13.30 น. เดินทางกลับ จ.สุรินทร์

** วันเสาร์ที่ 24 มกราคม 2558
17.00 – 22.30 น. ร่วมกิจกรรมงานเลี้ยงอำลา (Farewell Party)

** วันที่ 25 มกราคม 2558
08.00 น. นักแสดงเดินทางกลับ




วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2558

เด็กไทยแชมป์โลกไมโครซอฟท์เวิร์ด

เด็กไทยแชมป์โลกไมโครซอฟท์เวิร์ด

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/technology/20090914/76667/เด็กไทยแชมป์โลกไมโครซอฟท์เวิร์ด.html

กานกวิญจน์ โค้วสีหวัฒน์ นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนศรีวิกรณ์



                                           
นาทีนี้คงไม่มีใครรู้จักไมโครซอฟท์เวิร์ดได้ดีเท่า กานกวิญจน์ โค้วสีหวัฒน์ นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนศรีวิกรณ์ การันตีด้วยรางวัลแชมป์โลกเวิร์ด

รู้จักโปรแกรมไมโครซอฟท์เวิร์ดตั้งแต่เมื่อไร

 ส่วนตัวสนใจคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ด้วยสนใจความก้าวหน้า เทคโนโลยี และได้มีโอกาสทดลองเล่นไมโครซอฟท์เวิร์ดเป็นโปรแกรมแรก หลังจากที่ไมโครซอฟท์ออกชุดโปรแกรมไมโครซอฟท์ออฟฟิตตัวแรก คือ 97 ออกมา คนก็เริ่มสนใจ เป็นกระแส ได้รับความนิยม หันมาใช้โปรแกรมจัดการไฟล์เอกสารมากขึ้น ซึ่งตัวเองก็เป็นหนึ่งในผู้ใช้งาน เวิร์ด 97 ในยุคนั้น

 หลายคนเปิดโปรแกรมเวิร์ดมาก็แค่พิมพ์เอกสารแล้วกาญจกวิญจน์ล่ะ

 ผมได้ใช้ทุกความสามารถที่มีของโปรแกรมไมโครซอฟท์เวิร์ด ซึ่งบางคนอาจยังไม่รู้ถึง เช่น โปรแกรมได้เอื้อให้เราจัดเก็บรายชื่อผู้ใช้งาน สร้างจดหมายเวียน ส่งให้คนเป็น 10 เป็น 100 คนได้ โดยไม่ต้องสร้างไฟล์เอกสารขึ้นมาซ้ำๆ กันเป็น 10 ฉบับ หรือแม้แต่เครื่องมือที่ช่วยให้การสร้างเอกสารได้โดยไม่ต้องมานั่งจัดหน้าเองให้เสียเวลา เช่น สารบัญ บรรณานุกรมของหนังสือ ซึ่งหลายคนอาจมองข้ามไป
 ผมมองว่าถ้าเราได้มีโอกาสศึกษาการใช้งานโปรแกรมเวิร์ดในทุกแง่มุม ในที่สุดเราจะสามารถประยุกต์ใช้กับโปรแกรมอื่นในชุดออฟฟิตได้ ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมสร้างตารางคำนวณ หรือ เอ็กซ์เซล และโปรแกรมนำเสนอย่างพาวเวอร์พ้อยท์ เข้ามาผสมผสานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะทุกโปรแกรมถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานร่วมกัน

เห็นอะไรในพัฒนาการของไมโครซอฟท์เวิร์ดแต่ละเวอร์ชั่น

 เวิร์ดรุ่นใหม่ถูกพัฒนาใช้ใช้งานได้ง่ายขึ้น เพราะในอดีตการใช้งานจะอยู่ในรูปเมนูคำสั่ง แต่สำหรับเวิร์ด 2007 แล้วได้เปลี่ยนมาใช้แถบปุ่มเครื่องมือคำสั่ง หรือริบบอน ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียเวลาค้นหา ตัดอุปสรรคด้านการใช้งานของไมโครซอฟท์เวิร์ดในอดีตออกไป เช่นในบางคำสั่งที่เราใช้งานบ่อย แต่กลับอยู่ลึกมาก ต้องคลิกเมนูหา 2-3 รอบ กว่าจะเจอ
 สิ่งที่เราพบในเวิร์ด 2007 คือการใช้งานเมนูที่ง่านขึ้นกว่าเดิม มีตัวช่วยให้ผู้ใช้สามารถออกแบบการใช้งานได้ด้วยตัวเอง นี่คือความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งซึ่งเห็นได้ชัดเจน แม้ความรู้สึกของคนที่ได้ทดลองใช้เวิร์ด 2007 ช่วงเริ่มต้น จะดูแปลกตาและรู้สึกว่าใช้งานยาก แต่หลังจากได้ทดลองใช้จะรู้ว่า 2007 ช่วยเราได้มากจากการใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

นอกจากเมนูคำสั่งแล้วมีอะไรที่มองว่าเป็นจุดเด่น

 แน่นอนการสร้างสมการทางคณิตศาสตร์ สมัยก่อนเวิร์ดไม่เคยรองรับความสามารถตรงนี้ เครื่องมือสร้างสมการเป็นเพียงออปเจ็คหรือ วัตถุ ที่แยกออกมาในชื่อ ไมโครซอฟต์อิเควชั่น ซึ่งการใช้งานค่อนข้างลำบาก แต่ในเวิร์ด 2007 การสร้างสมการกลายเป็นฟีเจอร์ปกติของเวิร์ด ทำให้การใช้งานง่ายขึ้น สามารถดัดแปลงรูปแบบการใช้งานให้เป็นไปตามที่ต้องการโดยไม่ยุ่งยาก จากเดิมที่ทำไม่ได้ ตลอดจนไดอะแกรม หรือตาราง กลายมาเป็นสมาร์ทอาร์ท ซึ่งรวบรวมทุกอย่างของการสร้างแผนภาพ กราฟ ไว้ในที่เดียวกัน

ลองใช้เวิร์ด 2010 บ้างหรือยัง

 ลองเล่นบ้างแล้วครับ หน้าตาเปลี่ยนไปแน่นอน แต่ส่วนตัวผมมองว่าหน้าตาไม่ต่างจาก 2007 เหมือน 2000 กับ 2003 แต่มีความสามารถใหม่เพิ่มขึ้น เช่น สแนปช็อต ทำให้เราไม่ต้องใช้โปรแกรมเสริมจับภาพหน้าจอ เพื่อสแนปรูปจากคอมพิวเตอร์ เราสามารถใช้ฟังก์ชั่นใหม่ในเวิร์ดจับภาพได้เลย คล้ายกับโปรแกรมวันโน๊ต
 และที่เห็นได้ชัดเจนคือเครื่องมือพริ้นพรีวิว ดูคำผิด ช่วยให้กำหนดหน้าตาเอกสารก่อนพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ตอนนี้เวิร์ด 2010 ยังอยู่ในขั้นทดลองใช้งาน คาดว่าปีหน้าถึงจะเปิดตัวได้

มีอะไรที่อยากเห็นเพิ่มเติมในเวิร์ด 2010

 ความเร็วในการใช้งาน ไม่กินทรัพยากรเป็นเรื่องสำคัญครับ ในเวิร์ด 2007 ได้เสริมระบบลาสพรีวิวเข้ามา เพื่อให้ดูเอกสารได้สะดวกขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าตรงนี้มันกินทรัพยากรไปพอสมควร อย่างที่หลายเสียงบ่นว่าเมื่อใช้เวิร์ด 2007 กับระบบปฏิบัติการวินโดวส์วิสต้า ยิ่งทำให้ช้า กลายเป็นว่าใช้เวิร์ดก็ยิ่งช้า แต่เท่าที่ทราบคือระบบปฏิบัติการใหม่หรือวินโดวส์ 7 ถูกออกแบบมาให้ทรัพยากรน้อยลง ความเร็วในการใช้งานเพิ่มขึ้นครับ

การแข่งขันไมโครซอฟท์ออฟฟิตระดับโลกเป็นอย่างไรบ้าง

 เหมือนกับการแข่งขันโอลิมปิควิชาการ ซึ่งบริษัทไมโครซอฟต์จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 มีผู้สมัครเข้าแข่งขันจาก 70 กว่าประเทศทั่วโลก ระดับระดับมัธยม และอุดมศึกษา ในโปรแกรมไมโครซอฟท์เวิร์ด และ เอ็กซ์เซล ผมได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งเวิร์ด 2007 หลังจากชนะจากแข่งขันระดับประเทศ ซึ่งมีสถาบันไอทีไอที บริษัท เออาร์ไอที จำกัด ร่วมกับ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และอุทยานการเรียนรู้  ทีเค ปาร์ค สนับสนุน โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพด้านไอที จากไมโครซอฟท์เป็นเครื่องหมายการันตีความสามารถ

ข้อสอบเป็นแบบไหน

 โปรแกรมไมโครซอฟท์ออฟฟิตเป็นลักษณะแอพพลิเคชั่นใช้งาน ดังนั้นลักษณะข้อสอบที่พบจึงไม่ใช่ช้อยส์ หรือตัวเลือก แต่เป็นข้อสอบแบบปฏิบัติ ที่ต้องใช้ทักษะในการแก้โจทย์ปัญหาให้ทันตามเวลาที่กำหนดไว้ 50 นาที เช่น โจทย์กำหนดให้สร้างตาราง 3 แถว 6 คอลัมน์ เราต้องใช้คำสั่งในการสร้างตาราง การสร้างกราฟแผนภูมิวงกลม แผนภูมิแท่ง กำหนดพื้นหลังของแบล๊กกราวน์เอกสารเป็นสี ขนาดที่ต้องการ ซึ่งทำได้วิธีการทำมีมากกว่า 2 วิธี คือวิธีป้อนคำสั่งจากเมนูบาร์ หรือเลือกคลิกเมาส์ขวา เข้าช่องทางลัดบนคีย์บอร์ด แล้วแต่ทักษะของแต่ละคน


หลายคนอาจจะมองว่าเป็นโจทย์ทั่วไปที่ไม่ท้าทายความสามารถมากนัก แต่สำหรับผมแล้วใช้เวลาแก้โจทย์ทั้ง 26 ข้อหลัก แถมด้วยข้อย่อย โดยใช้เวลาไป เพียง 7 นาที ได้คะแนนเต็ม

มีเคล็ดลับอะไร

 เราควรรู้ทุกคำสั่งที่โปรแกรมมี และใช้ให้ชำนาญ รู้ว่าใช้อย่างไร ถ้ามีโปรแกรมอะไรใหม่ๆ มา ก็จะลองเล่น โดยเฉพาะโปรแกรมที่ใช้งานจริงๆ เช่น โปรแกรมสร้างเว็บไซท์ อย่าง ดรีมเวฟเวอร์ โฟโต้ชอป ลองเล่นในความหมายของผมคือทำความรู้จักกับฟีเจอร์สำคัญว่ามีอะไรใหม่ๆ น่าสนใจบ้าง ถ้าผมจะทดลองใช้งานโปรแกรมใดสักโปรแกรมหนึ่งผมต้องรู้ว่าโปรแกรมนั้นใช้งานยังไง มีอะไรสำคัญ และทำไรอะไรได้บ้าง

อยากเห็นโปรแกรมเอกสารของคนไทยไหม
 โปรแกรมสร้างไฟล์เอกสารมีคนทำเป็นโอเพ่นซอร์สอยู่แล้ว แต่เราสามารถพัฒนาให้แตกต่างกว่าได้ โดยสร้างฟังก์ชั่นการทำงานที่เหมาะสมกับคนไทย เช่น การแก้ไขสระลอย ซึ่งเป็นปัญหามากสำหรับผู้ใช้งาน เช่น ในเวิร์ด 2003 เจอปัญหาสระลอยค่อนข้างเยอะ ผมว่าคนไทยน่าจะรู้ว่าควรจะแก้ไขปัญหานี้ได้เอย่างไร

 ปกติใช้คอมพิวเตอร์ทำไรบ้าง
 ผมเล่นคอมพิวเตอร์วันละ 4-5 ชั่วโมง แต่ใช้อินเตอร์เน็ตตลอดเวลา เพื่ออัพเดทข้อมูลข่าวสารออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของหนังสือสิ่งพิมพ์ เว็บไซต์ความรู้ เทคโนโลยี ส่วนตัวสนใจศึกษากฎหมาย และหลงเสน่ห์มวยปล้ำเป็นพิเศษ โดยงานอดิเรกส่วนหนึ่งในการอัพเดทข้อมูลความรู้ในสารานุกรมเสรี หรือวิกิพีเดีย

คิดไงกับพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์
 ผมมองว่าเป็นเรื่องดีที่มี พรบ. อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ออกมา เพราะก่อนหน้านี้เราไม่เคยมีกฎหมายที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ หากมีปัญหาขึ้นมาเราต้องประยุกต์ประมวลกฎหมายอาญาขึ้นมาเองเลย เช่น โพสรูปถ่ายที่ไม่เหมาะสม เราอาจต้องประยุกต์กับกฎหมายมาตรที่ 36 ในประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยการหมิ่นประมาทมาใช้ บางอย่างมันมีช่องโหว่ ทำให้ที่ผ่านมาเราเอาผิดอะไรไม่ได้เลย

 อุปสรรคของการใช้งานอยู่ที่โลกคอมพิวเตอร์เป็นโลกไร้พรมแดน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเราไม่มีทางรู้ว่าคนทำอยู่ที่ไหน ณ เวลานั้น ดังนั้นการหาตัวผู้กระทำความผิดให้เจอจึงเป็นเครื่องยาก บนโลกอินเตอร์เน็ตที่ไม่มีการแสดงตน ไม่สามารถระบุตัวตนของผู้ใช้งานได้ หรือบางคนก็หลอกลวงข้อมูล ทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรมขึ้นตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยครั้ง

คิดว่าบทลงโทษรุนแรงไปไหม

 ผมมองว่ามาตรการลงโทษอยู่ในระดับที่ดีแล้ว เพราะกฎหมายฉบับหนึ่งกว่าจะคลอดออกมาได้ต้องใช้เวลานาน ถ้าเราได้ทดลองใช้ไประยะหนึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะประเทศไทยไม่เคยมีกฎหมายในลักษณะนี้มาก่อน ควรเสริมในเรื่องการดำเนินการ ความยุ่งยากก็คือการปราบปรามผู้กระทำผิดทางด้านคอมพิวเตอร์ มีอะไรใหม่ๆ ที่ผู้ดูแลกฎหมายตามไม่ทัน

เล่นเกมออนไลน์บ้างไหม

 ปกติผมไม่ได้เล่นเกม การเล่นเกมต้องทุ่มเท ซึ่งผมคงไม่มีเวลาพอ แต่ต้องยอมรับว่าเกมมีข้อดี อย่าง แร็คนาร็อค ที่เคยบูมเมื่อ 6-7 ปีก่อน ทำให้ตลาดเกมบ้านเราคึกคักขึ้น ดูจากเกมออนไลน์ในปัจจุบันที่มีกว่า 50 เกม แถมมีเกมใหม่ออกมาเรื่อยๆ จนแทบตามไม่ทัน

 บางครั้งเราอาจนำประโยชน์จากการเล่นเกมมาใช้เช่นการวางแผนความรวดเร็วในการตัดสินใจ การทำงานเป็นทีม อย่างโดต้าหรือดอทเอ เกมออนไลน์ ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน หลักสำคัญคือทีมเวิร์ค มีสมาธิจดจ่อ ถ้ามีเวทีให้สร้างสรรค์ก็ดี

 ขณะนี้ผู้ผลิตเกมได้การจัดการแข่งขันเปิดโอกาสในคนที่ชอบเล่นเกมจริงๆ ได้แสดงความสามารถ ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องดี เกมคอมพิวเตอร์ทุกเกมมีประโยชน์หมด แต่ขึ้นอยู่กับว่าเรามองเห็นประโยชน์มันมากแค่ไหน

มีบล็อกเป็นของตัวเองไหม

 ผมไม่เล่นบล็อก แต่มีไฮไฟว์ และช่วงนี้กำลังลองเล่นทวิตเตอร์อยู่ (ยิ้ม) สำหรับไฮไฟว์ใช้มาค่อนข้างนานและยังใช้อยู่ ผมมองว่าสังคมออนไลน์ทำให้เราสามารถพบปะผู้คนได้มากกว่าเดิม เป็นเรื่องที่ดีสำหรับการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็ว แต่ปัญหาคือเราใช้เป็นหรือเปล่า เป็นในที่นี้หมายความว่า ใช้ไปในทางสร้างสรรค์หรือเปล่า เพราะคนที่ใช้เป็นในทางไม่สร้างสรรค์ มีผลประโยชน์แอบแฝง นั่นถือว่าใช้ไม่เป็น หรือใช้เป็น แต่ใช้ไปในทางที่ผิด

 ปัญหาที่พบในโลกอินเตอร์เน็ตคือการใช้ภาษา ที่เกิดขึ้นเพราะความรวดเร็ว สะดวก มากจนลืมถึงความถูกต้อง บางครั้งการใช้ภาษาที่ผิดๆ เป็นเวลานาน ทำให้เกิดความเคยชิน และนำมาใช้เป็นภาษาเขียน ตามหลักภาษาเขียนต้องการความถูกต้อง เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไข พอๆ กับการใช้สังคมออนไลน์ไปในทางที่ผิด เช่นการล่อลวง ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน

 โดยส่วนตัวมองว่าการห้ามไม่ให้เล่น ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา เพราะการแก้ปัญหาที่ถูกต้องคือการชี้ให้เขาเห็นถึงปัญหา เล่นอย่างไรถึงถูก ถึง สร้างสรรค์ ถ้าห้ามก็แสดงว่าเรามองข้ามประโยชน์ของมันไปเลย

 สนใจอยากรู้จักกับอัจฉริยะ ไมโครซอฟท์เวิร์ดเพิ่มเติม แวะไปทักทายรวมถึงฝากคำถามถึงเขาได้ที่ evolutionisthegame.hi5.com แต่ใช้ว่าอัจฉริยะไมโครซอฟท์เวิร์ดคนนี้จะเชี่ยวชาญเฉพาะโปรแกรมจัดการไฟล์เอกสารเท่านั้น เพราะเขายังทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนรู้ภาษาคอมพิวเตอร์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น วิชวล ซี จาวา ฟอร์แทรน โดยใช้ความรู้ด้านภาษาคอมพิวเตอร์ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สร้างเว็บไซต์

  ในอนาคตอาจมีโอกาสได้เห็น กานกวิญจน์ เป็นหนึ่งในเว็บโปรแกรมเมอร์แถมหน้าของไทยที่น่าจับตามองคนหนึ่ง อย่าลืมว่าเรากำลังคุยอยู่กับเด็กอายุเพียง 17 ปี เท่านั้น

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ปวดศีรษะไมเกรน

ปวดศีรษะไมเกรน
สาเหตุของปวดศีรษะไมเกรน
 สาเหตุที่แท้จริงของปวดศีรษะไมเกรนยังไม่มีใครทราบ
แต่เชื่อว่าสมองของผู้ป่วยที่เป็นไมเกรนมีการไวในการตอบสนอง ต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งอาจจะอยู่นอกร่างกาย หรืออยู่ภายในร่างกายทำให้หลอดเลือดมีการอักเสบ เมื่อหลอดเลือดขยายจึงปวดศีรษะ

อาการ
ปวดศีรษะมักจะปวดข้างเดียว อาจจะสลับซ้ายขวาได้ ลักษณะปวดเป็นแบบตุ๊บๆๆๆ น้อยรายที่จะปวดพร้อมกันสองข้าง ปวดมากจนทำงานไม่ได้
 ปวดศีรษะมากจนทำงานไม่ได้ บางคนปวดจนน้ำตาไหล ส่วนใหญ่ปวด 4-72 ชั่วโมง
 ปัจจัยที่ทำให้ปวดศีรษะมากขึ้นคือการเคลื่อนศีรษะ
 หลังปวดศีรษะอาจมีอาการคลื่นไส้ ถ้าเป็นมากจะอาเจียน
 โดยมากจะมีสิ่งที่กระตุ้นทำให้ปวดศีรษะได้แก่ แสงจ้า เย็นหรือร้อนจัด เสียงดัง
 โดยมากเป็นในอายุน้อย
 
อาการปวดศีรษะมักจะเริ่มช่วงวัยรุ่นเมื่ออายุมากขึ้นอาการปวดศีรษะจะดีขึ้น บางครั้งผู้ป่วยที่เป็นไมเกรนอาจจะมีอาการนำ aura เช่นเห็นแสงแลบ ตามองไม่เห็น ชาซีกใดซีกหนึ่งเราเรียก classic migrain อาการปวดมักปวดบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา ขมับและขากรรไกร อาการปวดมักปวดข้างใดข้างหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการนำเรียก common migrain  ไม่เกรนเป็นโรครักษาไม่หายขาดแต่ถ้าเข้าใจและปฏิบัติตามคำแนะนำสามารถทำให้ควบคุมโรคได้

ไมเกรนกับคุณผู้หญิง
 ผู้หญิงและผู้ชายเป็นไมเกรนได้ทั้งสองเพศแต่ผู้หญิงจะเป็นบ่อยกว่า บางคนปวดขณะมีประจำเดือนและหายไปเมื่อตั้งครรภ์ ผู้ป่วยบางคนเมื่อรับประทานยาคุมกำเนิดจะมีอาการปวดศีรษะรุนแรงและถี่ขึ้น บางคนไม่เคยเป็นไมเกรนแต่หลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดก็เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน ทั้งนี้เนื่องจากยารักษาไมเกรนแต่ละชนิดจะมีส่วนผสมของเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนระดับต่างๆกัน อาจจะแก้ไขโดยการเปลี่ยนชนิดของยาคุมกำเนิดหรือใช้ยี่ห้ออื่น และเมื่อพบว่ายาคุมทำให้คุณปวดศีรษะเพิ่มขึ้นคุณควรไปปรึกษาแพทย์

สำหรับไมเกรนที่มีอาการนำเช่น ตาเห็นแสง ชาตามมุมปาก ตามนิ้วไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิด สำหรับคนที่ไม่เคยมีอาการดังกล่าวหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดแล้วเกิดอาการนำดังกล่าวให้ปรึกษาแพทย์

ชนิดของไมเกรน

นอกจากไมเกรน 2 ชนิดดังกล่าว ยังมีไมเกรนอีกหลายชนิดดังนี้
 Hemiplegic migraine มีอาการอ่อนแรงของแขนขาข้างหนึ่งเป็นระยะเวลาช่วงสั้นๆหรือบางคนอาจจะมีเวียนศีรษะ หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงจะมีอาการปวดศีรษะตามมา
 ophthalmoplegic migraine ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะร่วมกับหนังตาตก เห็นภาพซ้อน
 Basilar artery migraine ก่อนอาการปวดศีรษะผู้ป่วยจะมีอาการเวียนศีรษะ ทรงตัวไม่ได้ เห็นภาพซ้อน
 Status migrainosus ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะนานกว่า 72 ชั่วโมงและมีอาการมากกว่าปกติ

การวินิจฉัย
 การวินิจฉัยไมเกรนอาศัยประวัติและการตรวจร่างกายเท่านั้นการเจาะเลือด หรือการตรวจ x-ray เป็นเพียงช่วยวินิจฉัยแยกโรคเท่านั้น แพทย์จะซักประวัติเพื่อวินิจฉัย
 แพทย์จะซักเกี่ยวกับอาการปวด ตำแหน่ง ความรุนแรง ความถี่ ระยะเวลาที่ปวด
แพทย์จะซักอาการร่วมเช่น ไข้ อาการชัก อ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง
แพทย์จะซักประวัติโรคประจำตัง การใช้ยา
แพทย์จะตรวจร่างกายโดยละเอียด

อาการดังต่อไม่นี้ไม่ควรคิดถึงไม่เกรน
 ผู้ป่วยปวดศีรษะหลังอายุ50 ปี
อาการปวดศีรษะปวดขึ้นทันที โดยมากเกิดจากหลอดเลือดในสมองแตก
อาการปวดศีรษะเป็นบ่อยขึ้น รุนแรงขึ้นนานขึ้น
อาการปวดศีรษะพบร่วมกับ ไข้ คอแข็ง ผื่น
มีอาการทางระบบประสาทอื่น เช่น ชัก อ่อนแรงของแขนขาข้างใดข้างหนึ่ง

 การวินิจฉัยไมเกรนอาศัยเพียงประวัติเท่านั้นดังนั้นมีเกณฑ์ดังนี้
 จะต้องมีอาการปวดศีรษะ (ตามข้อ2-4) อย่างน้อย 5 ครั้ง
ปวดศีรษะนาน 4-72 ชั่วโมง
ลักษณะปวดศีรษะต้องประกอบด้วยลักษณะอย่างน้อย 2 ประการ
ปวดข้างเดียว
ปวดตุ๊บๆๆ
ปวดมากจนทำงานประจำไม่ได้
ขึ้นบันไดหรือเคลื่อนไหวทำให้ปวดมากขึ้น
ขณะปวดศีรษะจะต้องมีอาการข้างล่างนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง
คลื่นไส้หรืออาเจียน
แสงจ้าหรือเสียงดังทำให้ปวดศีรษะ
ประวัติและการตรวจร่างกายปกติ

ผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะแบบดังกล่าวไม่จำเป็นต้องตรวจ computer เพื่อการวินิจฉัย
 การรักษาไมเกรน
 การรักษาไมเกรนให้ได้ผลดีผู้ป่วยจะต้องทราบถึงสาเหตุที่กระตุ้นให้ปวดศีรษะ และมีส่วนร่วมในการรักษาโดยมีสมุดจดบันทึกปัจจัยชักนำให้ปวดศีรษะ อาการปวดศีรษะเป็นอย่างไรหลังจากหลีกเลี่ยงปัจจัยชักนำ การปรับยาของแพทย์ทำให้ปวดศีรษะดีขึ้นหรือไม่ ควรไปตามนัดทุกครั้งเพื่อประเมินผลการรักษา แบ่งการรักษาเป็นสองหัวข้อคือ ควบคุมปัจจัยชักนำ และการรักษาด้วยยา

1.การควบคุมปัจจัยชักนำ
 
ปัจจัยชักนำมิใช่สาเหตุแต่เป็นเพียงปัจจัยเริ่มที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ผู้ป่วยแต่ละคนอาจจะมีปัจจัยชักนำไม่เหมือนกัน
 อาหาร ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นไมเกรน เช่น แอลกอฮอล์โดยเฉพาะไวน์แดง ผงชูรส อาหารที่มี tyramine เช่น เนย นม ชอคโกแลต กล้วยหอม ผงชูรส ผลไม้ประเภทส้ม กาแฟและชา
การนอน ควรนอนให้เป็นเวลาและนอนให้พอ ตื่นให้เป็นเวลา
ฮอร์โมน ผู้หญิงเมื่ออายุมากขึ้นอาการจะปวดดีขึ้น การตั้งครรภ์ในระยะเริ่มแรกปวดศีรษะจะเป็นมากระยะหลังตั้งครรภ์อาการปวดจะดีขึ้น การรับประทานยาคุมกำเนิดจะทำให้ปวดศีรษะมากขึ้น
ความเครียด พยายามควบคุมความเครียด หาเวลานั่งพักหลับตาหยุดคิดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
ปัจจัยสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ อากาศ แสงไฟกระพริบ กลิ่นที่ฉุนเฉียว

 2.การรักษาไมเกรนด้วยยา
 การรักษาด้วยยาแบ่งออกเป็นการรักษาเมื่อมีอาการปวดศีรษะ [acute treatment] และการรักษาเพื่อป้องกัน [preventive treatment] จะใช้ในกรณีที่ปวดศีรษะรุนแรงและบ่อย
 acute treatment ยาแก้ปวดศีรษะมีด้วยกันหลายชนิดควรรับประทานทันทีที่เริ่มมีอาการปวดศีรษะไม่ควรรับประทานยาบ่อย หรือมากกว่าที่แพทย์สั่ง
 ยาแก้ปวดและบรรเทาอาการอื่นยาบางชนิดอาจหาซื้อได้จากร้านขายยาเช่น paracetamol ,aspirin, ibuprofen ยา aspirin ไม่ควรใช้กับเด็ก ผู้ป่วยบางรายอาจรับประทานยากลุ่มเหล่านี้ก่อนพบแพทย์ แต่ถ้าไม่หายแพทย์อาจให้ยาแก้ปวดที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดศีรษะดีขึ้น แต่ยาบางตัวอาจมีแนวโน้มที่จะเสพติด แพทย์บางท่านอาจให้ยา Nonsteroidal anti-inflammatory drugs เช่น mefenamic,diclofenac,ibuprofen แทนกลุ่มที่จะมีแนวโน้มทำให้เสพติด ผู้ป่วยไมเกรนนอกจากจะมีอาการปวดศีรษะแล้วยังมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ดังนั้นควรได้รับยาแก้คลื่นไส้หากมีอาการคลื่นไส้มาก
ยาที่หยุดอาการไมเกรน ยาในกลุ่มนี้มีสองชนิดได้แก่ Ergot alkaloids และ Triptans
Migraine prevention
 
หากอาการปวดศีรษะไมเกรนเป็นรุนแรงเป็นบ่อบแพทย์จะแนะนำยาป้องกันไมเกรน ซึ่งสามารถลดความถี่ ความรุนแรงและระยะเวลาที่ปวด และเมื่อสามารถควบคุมอาการได้แพทย์จะแนะนำให้ค่อยๆลดยาลงยาในกลุ่มนี้ได้แก่

Antidepressants ยาลดอาการซึมเศร้าสามารถป้องกันปวดศีรษะไมเกรนได้เช่น amitriptyline, nortriptyline, and doxepin
Beta-blockers เป็นยาลดความดันโลหิตสูงและรักษาโรคหัวใจแต่สามารถนำมาใช้ป้องกันไมเกรนได้เช่น propranolol, metoprolol, timolol, nadolol, or atenolol การจะใช้ยากลุ่มนี้ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เนื่องจากมีผลต่อความดันโลหิตและต่อการเต้นของหัวใจ
 Calcium channel blockers เป็นยาลดความดันโลหิตสูงและรักษาโรคหัวใจแต่สามารถนำมาใช้ป้องกันไมเกรนได้เช่น verapamil, diltiazem, or nifedipine.  การจะใช้ยากลุ่มนี้ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เนื่องจากมีผลต่อความดันโลหิตและต่อการเต้นของหัวใจ
 Serotonin antagonists เช่น cyproheptadine. เป็นยาที่ทำให้อยากอาหารไม่ควรใช้ยาตัวนี้ในเด็ก
 Anticonvulsants เป็นยากันชักใช้ได้ผลดีโดยเฉพาะ valproate ยาตัวนี้ให้ใช้กับเด็กอายุมากกว่า 10ปี

 


การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน

การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน
        มีชื่อเรียกในภาษาไทยหลายชื่อ เช่น การปลูกพืชไร้ดิน การปลูกพืชในน้ำที่มีธาตุอาหารพืช การปลูกพืชในสารอาหารพืช 
การปลูกพืชในวัสดุปลูกที่ไม่ใช้ดินที่มีธาตุอาหารพืช การปลูกพืชโดยให้รากพืชสัมผัสสารอาหารโดยตรงที่ไม่มีดิน
เป็นเครื่องปลูก
ความหมายของคำว่า การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินจากคำว่า Soilless culture เป็นวิธีการปลูกพืชเลียนแบบการปลูกพืช
บนดินโดยไม่ใช้ดินเป็นวัสดุในการปลูก
แต่เป็นการปลูกพืชลงบนวัสดุปลูกชนิดต่างๆ โดยพืชจะใช้วัสดุปลูกเป็นที่ยึดเกาะของรากและสามารถได้รับธาตุอาหารต่างๆ
ผ่านสารละลายธาตุอาหารพืช ที่มีน้ำผสมกับปุ๋ยที่มีธาตุต่างๆ ที่พืชต้องการ (Nutrient Solution) ซึ่งสามารถแบ่งประเภท
ตามวัสดุที่ใช้ได้ดังนี้
วัสดุปลูกที่เป็นอนินทรีย์สาร คื

(1) วัสดุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ทราย กรวด หิน เกล็ด หินภูเขาไฟ หินซีลท์

(2) วัสดุที่ผ่านขบวนการโดยใช้ความร้อน เช่น ดินเผา เม็ดดินเผา ใยหินหรือร็อควูล เพอร์ไลท์ เวอร์มิคูไลไลน์

(3) วัสดุเหลือใช้จากโรงงานอุตสาหกรรม เช่น เศษอิฐจากการทำอิฐมอญ เศษดินเผาจากโรงงานเครื่องปั้นดินเผา
วัสดุปลูกที่เป็นอินทรีย์สาร เช่น

(1) วัสดุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ฟางข้าว ขุยและเส้นใยมะพร้าว แกลบและขี้เถ้า เปลือกถั่ว พีท

(2) วัสดุที่เหลือใช้จากโรงงานอุตสาหกรรม เช่น ชานอ้อย กากตะกอนจากโรงงานน้ำตาล วัสดุเหลือใช้จากโรงงานกระดาษ
ประโยชน์ของการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน

       การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินกับสภาพความเป็นอยู่ การปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินเป็นวิทยาการทางวิทยาศาสตร์และศิลปะผสมกัน
ที่สามารถใช้ปลูกพืชได้ในทุกสถานที่
โดยไม่มีขอบเขตจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการปลูกจำนวนน้อยเพื่อบริโภคในครัวเรือนหรือการผลิตเชิงธุรกิจ เป็นวิธีที่เหมาะสม
กับความต้องการสำหรับผู้ปลูกที่มีพื้นที่ปลูกน้อย
เช่น แฟลต จึงสามารถปลูกได้แม้ในเมืองที่แออัดคับแคบด้วยผู้คน เช่น ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ เบลเยี่ยม

การปลูกแบบขนาดเล็กๆ เพื่อปลูกไว้ดูเล่น และมีอาหารจากการปลูกเพื่อบริโภคในครอบครัวจะไม่มีความยุ่งยากในการปลูก
 และดูแลรักษาคล้ายคลึงกับการทำสวน
ตามปกติที่ให้ความเพลิดเพลิน การเรียนรู้เบื้องต้นในการปลูกพืช แต่ถ้าเป็นการปลูกแบบเชิงการค้าจะต้องมีการใช้เทคนิค
หลักการต่างๆ ในการควบคุมการผลิตมากยิ่งขึ้น


การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินกับการผลิตเชิงธุรกิจ

วิธีการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินสามารถใช้ปลูกพืชได้หลายชนิด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของการปลูกพืชแต่ละชนิด ตั้งแต่ผัก
 ผลไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ พืชไม้เลื้อย
จนถึงพืชยืนต้น แต่การผลิตเชิงธุรกิจส่วนมากนิยมปลูกพวกพืชผัก ไม้ผลที่เป็นพืชที่เก็บเกี่ยวช่วงอายุสั้น







ตัวอย่างของพืชที่สามารถปลูกโดยการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน
มะเขือเทศ ส้ม สตรอเบอรี่ กุหลาบ ว่านหางจระเข้ หญ้า ผักกาดขาว กล้วย แตงกวา คาร์เนชั่น พืชสวนครัว ต่างๆ บาร์เล่ย์
 คื่นฉ่าย แตงแคนตาลูบ ถั่วฝักยาว เบญจมาศ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผักชี พริก มะเขือ 












ความแตกต่างระหว่างการปลูกพืชบนดินตามธรรมชาติกับการปลูกพืชบนดินตามธรรมชาติกับการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน

ปกติแล้วพืชจะเจริญเติบโตได้ดีนั้น ต้องมีการเจริญเติบโตที่เหมาะสมคือ สภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมเช่น แสงแดด อุณหภูมิ น้ำ
ธาตุอาหารพืชที่มาจากดิน น้ำ และอากาศ
(ออกซิเจน ไฮโดรเจน และ คาร์บอนไดออกไซด์) รวมทั้งดินยังเป็นวัสดุที่รากใช้ยึดเกาะเพื่อตั้งลำตันหนีแรงโน้มถ่วงของโลก
 การปลูกพืชบนดินโดยทั่วไปแม้ดินจะมีธาตุอาหาร และอากาศ อันเป็นปัจจัยที่พืชต้องการนั้นมักมีข้อด้อยคือ
 ดินจะไม่มีความอุดมสมบูรณ์ครบถ้วนตามที่พืชต้องการ กล่าวคือ ดินจะมีคุณสมบัติที่ไม่แน่นอนแตกต่างกันไป ตามสภาพพื้นที่
 เช่น โครงสร้างของดิน ปริมาณธาตุอาหารหรือความอุดมสมบูรณ์ต่ำ pH ไม่เหมาะสม ซึ่งจะยุ่งยากต่อการปรับปรุงดินและเสียค่า
ใช้จ่ายสูง ปัญหาเหล่านี้ ทำให้ได้ผลผลิตที่ไม่แน่นอน